สูตรธรรมชาติ นั่น โน่น นี่ ทำไมไม่ค่อยเห็นผลเลยล่ะคะ
หลายคนคงเคยบำรุงผิว ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยสูตรธรรมชาติสูตรต่างๆ ที่เหล่ากูรูความงามส่งต่อผ่านกันรุ่นต่อรุ่นตั้งแต่สมัยเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก จนถึงยุคไฮสปีดไซเบอร์อย่างปัจจุบัน สูตรที่เห็นว่าฮิตติดดาวมีหลายสูตร โดยแชร์กันทั้งจากปากต่อปากถึงโลกไซเบอร์ สารพัดสูตรทั้งผัก ผลไม้ ของใช้ในบ้านอย่าง มะนาว น้ำผึ้ง ไข่ หัวไซเท้า ขนกันมาแทบจะหมดตู้เย็น
อันที่จริงแล้วยังมีอีกมากจนจาระไนไม่หมด สูตรต่างๆ ที่สาวๆต่างลองผิดลองถูก จนบางคนก็ได้ผลหน้าใสปิ๊งๆ แต่บางคนใช้แล้วไม่ได้ผล หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือหน้าเน่ายิ่งกว่าเดิม! แต่บางคนใช้แล้วไม่ได้ผล หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือหน้าเน่ายิ่งกว่าเดิม! วันนี้หมอกระติ๊บจะมาเล่าว่าสูตรธรรมชาติเหล่านั้นทำไมบางคนใช้แล้วหน้าใสบางคนใช้แล้วก็งั้นๆ
สารพัดสูตรดังที่กล่าวหลักๆคือ สูตรพวกผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆ เช่น มะนาว มะขาม ซึ่งจะมีกรดผลไม้ตามธรรมชาติหรือที่เราเคยได้ยินกันว่า AHA (Alpha Hydroxyacid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้เซลล์ผิวหนังกำพร้าที่เสื่อมสภาพและตายแล้วหลุดลอกได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ผิวดูขาวและกระจ่างใสขึ้นเอาเป็นว่าข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับ AHA ยังมีอีกมาก เพราะมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอางค์และทรีตเมนต์ในการ Peeling (ผลัดเซลล์ผิว) ที่ใช้ในคลินิกเสริมความงามต่างๆ แต่รายละเอียดค่อนข้างยาว จึงขอพูดถึงสูตรธรรมชาติแล้วกันค่ะ อย่างพวกแตงกวา ว่านหางจระเข้ มักให้ผลทาง Moisturizer ให้กับผิวเมื่อใช้แล้วผิวจึงอิ่มน้ำเด้งดึ๋ง
ส่วนผลลัพธ์จากการใช้สูตรธรรมชาติมักไม่เสถียรหรือเห็นผลต่างกันในแต่ละบุคคลนั้นเนื่องจากผิวและใบหน้าของแต่ละคนต่างกัน อีกทั้งสูตรต่างๆ ไม่ได้มีคนวิจัยออกมาว่ามะนาว 1 ผล เท่ากับ AHA กี่เปอร์เซ็นต์ ผลลัพธ์จึงแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนผิวหนาเป็นหนังช้าง แต่งกมะนาว โดยใช้มะนาวเหยาะผสมกับนู่นนี่นั่นโน่นสารพัดสูตร จนน้ำมะนาวหรือน้ำมะขามเจือจางไปมาก ทำให้การผลัดเซลล์ผิวของ AHA ได้ผลไม่เต็มที่ บางคนผิวบอบบาง แต่ใช้มะนาวคั้นสดหลายลูก หรือนำหัวไซเท้า กระเทียมมาหั่นเป็นแว่นแล้วพอกกันเพียวๆข้ามคืน พอตื่นมาจึงทำให้แสบหน้า และมีอาการแดงๆลอกๆ บางคนถึงกับหน้าไหม้ไปเลยก็มี
ดังนั้น สูตรธรรมชาติจริงๆนั้นใช้ได้ แต่กรุณาอย่ามั่วอย่ามโนเองว่ามันควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อยากหน้าใสก็ต้องไตร่ตรองให้ดี ควรจะหาสูตรที่หลายๆคนลองแล้วได้ผลในอัตราส่วนตามาตราฐาน เพราะคนที่เคราะห์ร้ายหน้าเน่าอาจจะเป็นราแน ดังนั้น จะดีหรือไม่ไดี จะใสหรือจะเน่า ธรรมชาติเป็คนตัดสิน บางคนใช้แล้วอาจจะหน้าใส เราใช้อาจจะหน้าเน่าก็ได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยว่าก่อนที่เราจะใช้อะไร เราควรจะทดสอบก่อน หลักง่ายที่ใช้กันมานาน คือ การนำมาทาที่ท้องแขนเป็บริเวณเล็กๆก่อนสักพัก ถ้าผ่านค่อยลงนำมาทาหน้าครั้งแรกให้ใช้น้อยๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณเพื่อความปลอดภัยของใบหน้า เตือนแล้วนะว่าอย่ามโน ถ้าหน้าเน่าขึ้นมาก็รับผิดชอบตัวเองนะจ๊ะ!
มีเรื่องเล่าจากน้องคนหนึ่งที่เคยหน้าเน่าจากสูตรธรรมชาติคือ อย่างใบหน้าที่มีโหนกแก้ม โดยเห็นสูตรที่โด่งดังมากในเว็บชื่อดังที่เขากำลังฮิตกันมาก โดยเอาหัวไซเท้าหรือกระเทียมมาฝานบางๆหรือสับละเอียดแล้วมาพอกที่จุดด่างดำ เขาทำกันหลายคนแล้วค่ะ กระหาย ฝ้าจางลง ดีกว่าไปทำเลเซอร์ ของดี ราคาถูกมีจริง คิดว่าต้องหาโอกาสลองทำ เพราะจะได้หน้าใสกระหาย เริ่มแรกคือหาวัตถุดิบในตู้เย็นที่บ้าน และลองทำตาม หลังจากนั้นตื่นมาปรากฎว่าแก้มทั้งสองข้างมันแดงมากแล้วก็ลอก แสบมากเหมือนหมูโดนน้ำร้อนลวก
ดังนั้นเราขอสรุปนะคะ เรื่องนี้ที่พบไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนใช้หัวไซ้เท้าหรือกระเทียมแล้วหน้าไหม้จำนวนมากค่ะ เริ่มจากวิธีของน้อง ซึ่งเท่าที่ดูสูตรนี้ นำหัวไซเท้าให้แปะแค่ 10-15 นาที ไม่ใช่แปะข้ามคืน!!! และที่สำคัญเวลาที่เรารู้สึกแสบจนผิดปกติ เราควรจะเริ่มเอะใจว่ามันไม่ใช่แล้ว มันไม่น่าเป็นอย่างนี้ซิ ซึ่งคำว่าอยากสวยต้องอดทนมันมช้ไม่ได้กับทุกกรณี อาการที่เกิดขึ้นกับผิว มันคือการไหม้ของผิวหรือการเบิรืนที่เกิดจากกรดหัวไซเท้ามันกัดลอกผิวหน้า เนื่องจากใช้ในปริมาณมากและการสัมผัสกับผิวหน้าที่นานจนเกินไป
ทางที่ดีที่สุดคือต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินว่าผิวหนังมีการอักเสบและไหม้ระดับไหน เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี แล้วเราควรอ่านทุกประโยคทำความเข้าใจของสูตรๆนั้น และอย่าลืมทดสอบที่ท้องแขนก่อนเบาๆนะจ๊ะ
ปล.เวลาโดนอะไรไหม้ อย่าใช้ยาสีฟันทา เพราะมันอาจจพแสบและเน่ากว่าเดิม